วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความรู้เกี่ยวกับเพชร



ความรู้เกี่ยวกับเพชร
เราเชื่อว่าลูกค้าคงทำการบ้านมาแล้วก่อนเลือกซื้อเพชรนะคะ เลยไม่ได้จะมาให้ความรู้อะไร แต่จะมาสร้างความมั่นใจ และช่วยในการตัดสินใจของคุณนะคะ

เวลาไปซื้อเพชรใครๆ ก็บอกว่าให้ดูจาก 4Cs แต่ยังไงก็ให้เหมาะสมกับงบประมาณที่คุณตั้งไว้ด้วยนะคะ ที่นี้มาดูกันว่าเพชรของ diamondmakesense มีมาตรฐานเทียบเคียงกับ 4c อย่างไรนะคะ

Cut หรือการเจียระไนเพชร เลือกจากเกรดที่ดีที่สุดไปน้อยที่สุด คือ Excellent , Very Good , Good , Fair and Poor Cut เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเลือกซื้อเพชร เพราะในปัจจุบันถ้าคุณอยากได้เพชรหนึ่งกะรัต ร้านเพชรที่ไหนก็มี แต่ความแตกต่างของเพชรหนึ่งกะรัตของแต่ละร้านไม่เหมือนกัน เพราะมักจะมีคำถามอยู่เสมอว่า ทำไมเพชรหนึ่งกะรัตของร้านนี้เล่นแสงกว่าร้านนั้น นั่นก็เพราะความแตกต่างของการเจียระไนนี่เอง และความแตกต่างในส่วนนี้ก็ทำให้ราคาของเพชรแตกต่างกันด้วย
เพชรของ diamondmakesense ไม่มีเกรด Fair หรือ Poor cut ค่ะ เราขายแต่เพชรเกรด Good เป็นต้นไป เป็น เบลเยียมคัท และ ซุปเปอร์อินเดียนคัท
Color เพชรยิ่งขาวยิ่งสวยยิ่งแพง ความขาวของเพชรหรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าน้ำเพชร เริ่มจากขาวที่สุดไล่จนถึงเหลืองที่สุด เริ่มจากสี D Color = เพชรน้ำ 10%    E Color = เพชรน้ำ 99%  F Color = เพชรน้ำ 98% G Color = เพชรน้ำ 97%  H Color = เพชรน้ำ 96%  I Color= เพชรน้ำ 95% ไล่ลงไปจนถึงเหลืองที่สุดคือ Z  ส่วนที่นิยมจะอยู่ตั้งแต่ D Color - I Color
เพชรของ diamondmakesense เริ่มตั้งแต่น้ำ 94% ค่ะ ต่ำกว่านี้ไม่มีค่ะ แต่ถ้าสูงกว่านี้ก็มีไปถึงน้ำ 98% ค่ะ
Clarity คือ ความสะอาดของเพชร เริ่มจากไม่มีสิ่งสกปรกเลย คือ FL และไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ เป็น IF , VVS1 , VVS2 , VS1 , VS2 , SI1 และ SI2 แต่เรื่องความสะอาดของเพชร คนไทยไม่ค่อยซีเรียสเท่ากับความขาวของเพชร เพราะความขาวเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แต่ความสะอาดของเพชรต้องใช้กล้องส่องถึงจะเห็น
เพชรของ diamondmakesense เริ่มตั้งแต่ VS1 ค่ะ
Carat Weight น้ำหนักของเพชรเรียกเป็นกะรัต เพชร 1 กะรัตมี 100 สตางค์ เมื่อนำมาช่างจะหนัก 0.20 กรัม เพชรครึ่งกะรัตบางครั้งจะเรียกเพชร 50 สตางค์ และถ้าคุณเจอเพชรขนาด 0.05 กะรัต กับเพชร 5 สตางค์ นั่นคือเพชรขนาดเดียวกัน

เพชรของ diamondmakesense มีหลายน้ำหนักให้เลือก ลองเขียนหรือโทรมาสอบถามกันนะคะ เราจะได้ช่วยแนะนำเพชรที่ดีที่สุด และรับรองว่าคุณจะได้เพชรเกินคุ้มกว่างบประมาณที่คุณตั้งไว้ซะอีกค่ะ :-)

มีเกร็ดความรู้อื่นมาฝากกันอีกนิดหนอยค่ะ
1.      การเจียระไน    ยิ่งการเจียระไนเพชรสวยมากเท่าไร ราคาก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น เพราะได้สัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด ทำให้การกระจายแสงได้ดี
2.       น้ำหนัก   เพชร 1 กะรัต เท่ากับ 200 มิลลิกรัม
3.       สี    สียิ่งมีน้อยเท่าไร ก็สามารถทำให้แสงสีขาวผ่านเนื้อภายในได้มากเท่านั้น
4.       รูปทรง    จะบ่งบอกถึงบุคคลิกภาพของผู้เลือก
5.       ความบริสุทธิ์       ตำหนิยิ่งมีน้อยเท่าไรยิ่งดี เพราะจะทำให้เพชรส่องประกายเจิดจ้า
6.       ใบรับรอง     รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับเพชรแต่ละเม็ดนั้น ควรดูจากใบรับรองคุณภาพเพชร(Certificate) ทีออกให้โดยสถาบันอัญมณี
ศาสตร์เท่านั้น

กำเนิดเพชร

            เพชร (Diamond) เป็นอัญมณีที่ล้ำค่าและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ในอดีตผู้ที่จะมีไว้ในครอบครองจะต้องเป็นเศรษฐีหรือเชื้อพระวงศ์ เนื่องจากเป็นของที่หายาก  มีความเชื่อแต่อดีตว่าผู้ที่ได้สวมใส่เพชรจะมีอำนาจที่จะป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ คือมักใช้เป็นเครื่องรางมากกว่าเป็นเครื่องประดับ เพราะฉะนั้น ในอดีตจึงเป็นผู้ชายที่สวมใส่เพชรมากกว่าผู้หญิง   

            ตำนานโบราณกล่าวไว้ว่า เพชรมีแหล่งกำเนิดมาจากกระดูกยักษ์ชื่อมหาพลสูตรที่คิดจะทำพิธีอดอาหารเพื่อเป็นเกียรติยศให้ปรากฏในแผ่นดินพอครบ 7 วัน ก็สิ้นชีวิต เทวดาจึงนำกระดูกไปฝังไว้ทุกแห่ง ก็บังเกิดกลายเป็นเพชรรัตน์

            ในทางวิทยาศาสตร์ เพชรเกิดจากธาตุคาร์บอน (C ) เกือบบริสุทธิ์ คือประมาณ 99.95% ที่ถูกทับถมอยู่เป็นเวลานานใต้พื้นโลกด้วยแรงกดกว่า 3,000 ตัน อยู่ลึกประมาณ 80 กิโลเมตร ต่อมาหินคิมเบอร์ไลต์ (Kimberite) ได้ดันเพชรขึ้นมาระดับพื้นผิวโลก นอกจากนี้ยังพบเพชรอยู่ในบริเวณ ลานแร่ (Alluvian) อยู่ประมาณร้อยละ 90 ของเพชรที่พบทั้งหมด


ลักษณะและชนิดของเพชร

      * เพชรเป็นแร่มีรูปร่างผลึก 8 เหลี่ยม หรือ 12 เหลี่ยม มีความโปร่งใส และกึ่งโปรงใส มีประกายแวววาว รอยตำหนิมีเหลี่ยมมุมถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง
      * เพชรมีหลายสี ตั้งแต่ไม่มีสี จนกระทั่งถึงสีดำ ที่เรียกว่า Carbonado สีต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจากมลทินในผลึก ส่วนใหญ่จะพบไนโตรเจน ซึ่งจะพบอยู่ถึงร้อยละ 0.2 นอกจากนี้ยังพบซิลิกอน แมกนีเซียม อะลูมิเนียม เหล็ก แคลเซียม และทองแดง ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก เพชรที่พบอยู่โดยทั่วไปจะมีสี เหลือง หรือน้ำตาลอ่อน เพชรที่ใสไม่มีสี จะมีราคาสูงที่สุดและเป็นที่นิยม 
      * เพชรมีสีนั้นค่อนข้างหายาก เช่น สีชมพู หรือสีน้ำเงิน เช่น Hope Diamond เป็นเพชรที่มีสีฟ้า มีชื่อเสียงมาก และชนิดที่หายากที่สุดคือ Red Diamond 
         
            เนื่องจากเพชรถูกทับถมอยู่ใต้โลกเป็นเวลานานจึงมีความแข็ง และความหนาแน่นมากที่สุด ถ้าต้องการทดสอบเพชรก็ใช้ทับทิมที่มีความคมมาขีดเพชรดู ถ้าไม่มีรอยก็แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ามีรอยก็เป็นเพชรเลียนแบบ แต่ละหน้าผลึกของเพชรมีความแข็งต่างกัน ดังนั้น เพชรสามารถสามารถตัดเพชรได้ แม้ว่าเพชรจะมีความแข็งมาก  แต่ยังคงมีความเปราะ จึงสามารถแตกและบดเป็นผงได้ เพชรจะแตกได้ถ้าได้รับความร้อนอย่างเฉียบพลัน 
แหล่งกำเนิดเพชร
         
             อินเดีย มีการขุดเพชรมากกว่า 5000 ปีมาแล้ว เป็นประเทศแรกที่พบเพชร เพชรที่อินเดียเป็นเพชรมีคุณภาพสูงเม็ดมีขนาดใหญ่ และมีจำนวนมาก เพชรที่มีชื่อเสียงของโลกกว่าครึ่งมาจากประเทศอินเดีย
             บราซิล เป็นประเทศรองจากอินเดียที่พบเพชร โดยพบในปี พ.ศ. 2288 เพชรที่นี่ไม่สวยเท่ากับอินเดีย เม็ดมีขนาดเล็กเป็นส่วนใหญ่ ใช้ในวงการอุตสาหกรรม ขณะนี้มีปริมาณน้อยแล้ว
            แอฟริกา เมื่อเพชรที่บราซิลเริ่มน้อยลงก็พบเหมืองใหม่เมื่อ พ.ศ. 2410 ที่แอฟริกาเพชรมีคุณภาพสูง สวยงามและมีเม็ดขนาดใหญ่ ๆ และมีปริมาณมาก
            รัสเซีย  ในปี ค.ศ. 1970 มีการขุดเพชรที่รัสเซีย เพชรที่รัสเซียปริมาณมากกว่าแอฟริกา แต่เนื่องจากความเป็นประเทศในโลกที่สาม จึงไม่เป็นที่สนใจนัก
            นอกจากนี้ยังพบที่ จีน อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย โคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา เวเนซุเอล่า โบลิเวีย กิอานา และไซบีเรีย ในประเทศไทยพบที่จังหวัดพังงาปนอยู่ในแหล่งแร่ดีบุก เพชรที่พบเหล่านี้มีขนาดเล็กไม่ถึงหนึ่งกะรัต และมีปริมาณไม่มากนัก 
            อินเดียเป็นชาติแรกที่รู้จักการเจียระไนเพชร แต่ไม่มีชื่อเรื่องความสวยงามเพราะคำนึงถึงปริมาณเนื้อเพชรมากๆ จนกระทั่ง Vineenti Peruzzi ชาวเวนิสเป็นผู้ออกแบบ Brilliant cut นับเป็นครั้งแรกที่ทำให้นักเจียระไนทั่วโลกได้เห็นไฟ และประการแวววาวที่สวยงามของเพชรเป็นครั้งแรก แต่รูปทรงยังไม่ดีนักโดยในเวลาต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ

            แหล่งเจียระไนที่มีชื่อ ได้แก่ เบลเยียม, ฮอลันดา, นิวยอร์ค, ลอนดอน, อิสราเอล และอินเดีย ในปัจจุบันรูปแบบการเจียระไนที่นิยม คือ การเจียระไนเหลี่ยมเกสร (Round Brilliant Cut) ซึ่งมี 57-58 เหลี่ยม ถ้าเพชรมีคุณสมบัติ 4C อย่างใดอย่างหนึ่ง หมายถึง เพชรที่ไม่มีสี มีรูปร่างในการเจียระไนสวยงาม ไม่มีมลทิน
เพชรสังเคราะห์และเพชรเทียม

             เพชรสังเคราะห์ (Synthetic Diamond) นักวิทยาศาสตร์คิดสังเคราะห์เพชรขึ้นเป็นผลสำเร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เนื่องจากเพชรเป็น  อัญมณีที่มีราคาสูงจึงมักทำเทียมขึ้น ปัจจุบัน General Electric Company เป็นผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์เพื่อใช้งานด้านอุตสาหกรรม
           
            รายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้แก่ แอฟริกาใต้ , ญี่ปุ่น ,จีน ,รัสเซีย 

            ในการผลิตเพชรสังเคราะห์ สามารถทำโดยใช้หินแกรไฟต์ (Graphite) ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอนเช่นเดียวกับเพชร มาให้ความร้อน และแรงกดสูง เพื่อให้อะตอมของ C เข้ามาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็จะได้ความหนาแน่นมากขึ้น สามารถทำให้หินแกรไฟต์กลายเป็นเพชรสังเคราะห์ มีความแข็งเท่ากับเพชร แต่มีตำหนิมากจึงนิยมใช้ในด้านอุตสาหกรรม แต่ถ้าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการแก้เพชรสังเคราะห์ให้บริสุทธิ์เท่ากับเพชรธรรมชาติ คาดว่าในอนาคตนักวิทยาศาสตร์คงสามารถสังเคราะห์เพชรหรือนำไปใช้เป็นเครื่องประดับในราคาถูกได้

            เพชรเทียม ( Diamond Substitutes ) คือ แร่หรือสารสังเคราะห์ที่ไม่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เมื่อเจียระไนแล้ว มีคุณสมบัติทางด้านแสงคล้ายเพชร ดังนั้นเพชรสังเคราะห์และเพชรเทียมจึงไม่เหมือนกัน เพชรเทียมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพชรเทียมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่  คิวบิก เซอร์โคเนีย (Cubic Sirconia ) หรือที่คนไทยเรียกว่า "เพชรรัสเซีย" เป็นเพชรเทียมที่นิยมที่สุด มีค่าดัชนีหักเหน้อยกว่าเพชร แต่การกระจายแสงสูงกว่า ทำให้มีประกายแวววาวแบบเพชร เพชรรัสเซียสังเคราะห์จากเซอร์โคเนียออกไซด์ (ZrO2) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีผลึกรูปโมโนคลินิก ( monoclinic ) โดยมีแคลเซียมไดออกไซด์ หรือ Yttrium Oxide (Y2O3 ) ผสมเข้าไปเล็กน้อย เพื่อให้คิวบิกเซอร์โคเนียเสถียรเป็นผลึกรูปคิวบิก (Cubic) ได้ในอุณหภูมิห้อง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น